“เสธ.หมึก”พลเอกเดชา เหมกระศรี ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (เอซีเอฟ) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก“โค้ชบอส”นายอัถร ไชยมาโย ผู้ฝึกสอนจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ทีมชาติไทย ถึงการแข่งขันจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ชิงแชมป์เอเชีย 2023 ที่เมืองตาเกตัย ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศทุกรุ่น โดยไฮไลท์อยู่ที่รุ่นประชาชนชาย และประชาชนหญิง ซึ่งผู้ที่ได้แชมป์ในรายการนี้จะได้ตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยอัตโนมัติ ในโควตาแชมป์ทวีปเอเชียคำพูดจาก สล็อตออนไลน์
พลเอกเดชา กล่าวว่า สำหรับรุ่นประชาชนชาย สมาคมกีฬาจักรยานฯ ส่ง“เอ้”ส.ต.โกเมธ สุขประเสริฐ นักปั่นทีมชาติไทย แชมป์เก่าเมื่อปี 2022 ลงชิงชัยเพียงคนเดียว โดยการแข่งขันในรอบแรกมีนักกีฬาจากทวีปเอเชียทั้งหมด 17 คน ต้องแบ่งออกเป็น 3 ฮีต แต่ละฮีตทำการแข่งขันกัน 3 โมโต แล้วคัดเอานักกีฬาที่ได้อันดับ 1-4 ของแต่ละฮีตเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ฮีต มีนักกีฬาฮีตละ 6 คน จากนั้นคัดเอานักกีฬาที่ได้อันดับ 1-4 ของทั้ง 2 ฮีต เข้าไปชิงชนะเลิศรวม 8 คน ผลปรากฏว่า ในรอบแรก โกเมธ เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ทั้ง 3 โมโต ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศแบบสบาย ๆ
“อย่างไรก็ตาม จากผลในรอบแรกแต่ละโมโต ปรากฏว่าเวลาของ อาซูมะ นากาอิ นักกีฬาตัวเก่งทีมชาติญี่ปุ่นทำเวลาอยู่ที่ 33 วินาทีเศษ ดีกว่าเวลาของโกเมธทั้ง 3 โมโต ทำให้สตาฟ์โค้ชของไทยซึ่งที่อยู่ประเทศฟิลิปปินส์และทีมงานที่ลุ้นอยู่ในเมืองไทยอย่างใจจดใจจ่อเกิดความหนักใจและต้องหาวิธีแก้เกมอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป้าหมายหลักก็คือการคว้าเหรียญทองเพื่อโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ให้ได้ ซึ่งผลรอบรองชนะเลิศ โกเมธต้องมาเจอกับ นากาอิ อีกครั้ง และผลปรากฏว่าโกเมธเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ทิ้งห่าง นากาอิ ที่เป็นคู่แข่งสำคัญไปแบบหายห่วง”พลเอกเดชา กล่าว
“เสธ.หมึก”กล่าวอีกว่า ในรอบชิงชนะเลิศ ได้โทรศัพท์ไปให้กำลังใจโกเมธและทีมงานผู้ฝึกสอน และย้ำให้ระมัดระวังอย่าให้เกิดอุบัติเหตุเนื่องจากสภาพสนามเปียกลื่นจากฝนที่ตกลงมาเกือบทุกวัน อีกทั้งทัศนวิสัยไม่ดีเพราะมีหมอกลงจัด ผลปรากฏว่า โกเมธที่เลือกออกสตาร์ตจากเลน 8 ทะยานออกตัวเบียดนำตั้งแต่ทางตรงแรกและนำขาดไปจนเข้าเส้นชัยคว้าแชมป์เอเชียสมัยที่ 2 พร้อมโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2024 มาครองด้วยเวลา 32.56 วินาที สร้างประวัติศาสตร์เป้นนักปั่นบีเอ็มเอ็กซ์ชายคนแรกของไทยที่ได้ไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ส่วนอันดับ 2 ริโอ อักบาร์ จากอินโดนีเซีย เวลา 32.57 วินาที และอันดับ 3 ฟาซยา อาซามา ริฟกี จากอินโดนีเซียเช่นกัน เวลา 33.52 วินาที ขณะที่ อาซูมะ นากาอิ ซึ่งไล่ตามโกเมธมาติด ๆ ตั้งแต่ออกสตาร์ต แต่ไปเสียจังหวะควบคุมรถไม่อยู่ตอนเข้าโค้งที่ 3 ต้องเบรกเพื่อไม่ให้รถหลุดโค้ง ทำให้เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 5
พลเอกเดชา กล่าวต่อไปว่า การแข่งขันบีเอ็มเอ็กซ์ชิงแชมป์เอเชียครั้งนี้นักกีฬาไทยมีอุปสรรคตั้งแต่เดินทางไปถึง เพราะประเทศฟิลิปปินส์อยู่ในช่วงพายุดีเปรสชั่นเข้าพอดี มีฝนตกหนักและหมอกลงจัดทุกวัน สิ่งที่หวั่นใจคือโกเมธจะเกิดอุบัติเหตุ เพราะถ้าหากล้มสัก 1 โมโต โอกาสที่จะได้แชมป์ยากแน่นอน นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งสำคัญจากญี่ปุ่นอีก แต่โกเมธก็ทำสำเร็จคว้าแชมป์มาครอง ส่วนรุ่นประชาชนหญิงนักกีฬาไทยไม่เข้ารอบ ซึ่งคงต้องปรับปรุงอีกเยอะ ประการสำคัญคือสภาพร่างกายของนักปั่นไทยอย่าง“ฟ้า”ส.ต.หญิง ชุติกาญจน์ กิจวานิชเสถียร ยังสู้คู่แข่งไม่ได้ เพราะตัวเล็กเกินไป แต่โชคดีที่มีนักปั่นรุ่นอายุเกิน 23 ปีหญิง ทั้ง น.ส.เขมิกา ศรีโสภา และ น.ส.หทัยเพชร ใจสว่าง ซึ่งทำผลงานดีได้อันดับ 2 และ 3 รวมถึงนักปั่นเยาวชนชาย-หญิงก็ได้เหรียญรางวัลเช่นเดียวกัน
นายกสองล้อไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโกเมธ สมาคมฯ ส่งไปเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่ศูนย์ฝึกจักรยานโลก (WCC)ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเวลาหลายเดือน มีการเสริมทักษะเรื่องการออกตัว การเล่นเวตเทรนนิ่ง พร้อมทั้งตระเวนแข่งขันรายการต่างในทวีปยุโรป ทำให้สภาพร่างกายมีความแข็งแกร่งแตกต่างจากก่อนไปอยู่ศูนย์ฝึกฯ อย่างเห็นได้ชัด หลังจากนี้โกเมธก็จะต้องไปแข่งขันรายการชิงแชมป์โลกและรายการต่าง ๆ ที่สตาฟฟ์โค้ชของศูนย์ฝึกฯ วางโปรแกรมเอาไว้ รวมทั้งการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหางโจว ประเทศจีน ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม แม้ว่าโกเมธจะได้โควตาไป“ปารีสเกมส์”แล้ว แต่ก็ต้องไปแข่งขันรายการต่าง ๆ เพื่อศึกษาฟอร์มคู่แข่งจากทวีปยุโรป และทวีปอื่น ๆ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงก่อนการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024
“การที่สมาคมฯ ส่งโกเมธไปฝึกซ้อมอยู่ที่ศูนย์ฝึกจักรยานโลก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สมาคมฯ ได้จัดหางบประมาณมาเองทั้งสิ้น เนื่องจากเบิกงบประมาณจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไม่ได้ เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามที่กำหนด แต่การทำงานของผมต้องกล้าเสี่ยง และจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ สุดท้ายมันก็ได้ผลตามเป้าหมาย ซึ่งก็ดีใจกับโกเมธและทีมงานทุกคน ขอบคุณโค้ชอัถร ไชยมาโย หัวหน้าผู้ฝึกสอน,มร.ฮาร์วี่ เครป มร.ฮาร์วี่ เครป ผู้ฝึกสอนชาวสวิตเซอร์แลนด์ รวมทั้ง นายจีระพล ปัทมินทร์ ช่างประจำทีม และ น.ส.รจเรศ วันธนไทยนันท์ นักกายภาพบำบัด ที่ร่วมแรงร่วมใจกันจนประสบความสำเร็จ”พลเอกเดชา กล่าวเสริม
ส่วน“เอ้”โกเมธ เปิดเผยว่า ก่อนการแข่งขันมีอุปสรรคทุกวัน มีทั้งฝนตกลงมาอย่างหนัก เวลาในการฝึกซ้อมมีการเปลี่ยนแปลงตลอด และมีหมอกลงจัดจนแทบไม่เห็นทาง แต่ตนก็ตั้งสมาธิและวางเป้าหมายว่าจะต้องติดอันดับ 1 ใน 3 ให้ได้ แต่ไม่กดดันตัวเองว่าจะต้องคว้าแชมป์ให้ได้ ซึ่งตนก็ลงแข่งด้วยความผ่อนคลายมากที่สุด สุดท้ายก็ทำสำเร็จเป็นแชมป์เอเชียสมัยที่ 2 ติดต่อกัน และได้โควตาไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส วันนี้รู้สึกดีใจมาก ๆ เหมือนได้ปลดล็อกตัวเองสามารถทำได้ตามเป้าหมาย ขอขอบคุณ“โค้ชบอส”และสตาฟฟ์โค้ชทุกคน ขอบคุณพลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานฯ ที่ให้การสนับสนุนพวกเราอย่างเต็มที่และดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนที่ให้กำลังใจนักกีฬาจักรยานมาโดยตลอด และขอให้เป็นกำลังใจให้พวกเราต่อไป ซึ่งรายการต่อไปคือการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหางโจว ประเทศจีน ปลายเดือนกันยายนนี้
สำหรับผลการแข่งขันรุ่นอื่น ๆ นักปั่นไทยก็ทำผลงานได้ดี โดยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีหญิง น.ส.เขมิกา ศรีโสภา ได้อันดับที่ 2 และ น.ส.หทัยเพชร ใจสว่าง ได้อันดับที่ 3 ส่วนแชมป์ตกเป็นของ เนเนกะ นิชิมูระ จากญี่ปุ่น / รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีชาย นายอภิสิทธิ์ ใจอยู่ ได้ที่ 3 ขณะที่แชมป์เป็นของ โซกาโน อาดิตยา ฟาร์จา ปูตู จากอินโดนีเซีย,อันดับที่ 2 โยชิมาซะ โชจิ จากญี่ปุ่น ด้าน นายบวรพิตร นิลสนธิ ได้อันดับที่ 6
รุ่นเยาวชนหญิง อันดับที่ 1 คิวทรัน นาดา ชิฟา เมาลิดนา จากอินโดนีเซีย,อันดับที่ 2 น.ส.กนกรัตน์ ฤทธิเดช และอันดับที่ 3 น.ส.ฐิติชญา ขาวดี / รุ่นเยาวชนชาย อันดับที่ 1 เฮียวกะ คิอูชิ นักปั่นญี่ปุ่น,อันดับที่ 2 วูซอง จียอน จากเกาหลีใต้และอันดับที่ 3 ยูวะ ซากาโมโตะ จากญี่ปุ่น ส่วน 2 นักปั่นไทย นายศรัณย์วิทย์ รัศมี ได้อันดับที่ 5 และ นายลิขสิทธิ์ พิมมา ได้อันดับที่ 7 ขณะที่รุ่นประชาชนหญิง ส.ต.หญิง ชุติกาญจน์ กิจวานิชเสถียร และ น.ส.วรัญญา แซ่แต้ 2 นักปั่นไทยไม่ผ่านรอบแรก โดยแชมป์เป็นของ ซาเอะ คาตาเกยาม่า นักปั่นญี่ปุ่น,อันดับที่ 2 ว่าน ยี่ เหลียว นักปั่นจีน และอันดับที่ 3 คานามิ ทันโน จากญี่ปุ่น สรุปผลงานของนักปั่นไทยได้มา 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง
ด้านการแข่งขันจักรยานประเภทลู่ ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน“ควีนส์สิริกิติ์”ประจำปี 2566 สนามที่ 3 ระหว่างวันที่ 14-16 กรกฎาคม ที่สนามเวลโลโดรม ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก สำหรับการแข่งขันเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม เป็นการชิงชัยวันที่ 3 ชิง 30 เหรียญทอง ซึ่งสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดำเนินการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์Thaicycling Associationมียอดผู้ชมทางบ้านรวมทั้งภาคเช้า-ภาคบ่ายกว่า 11,000 วิว และมีผู้ชมจากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ มาเลเซีย,อินโดนีเซีย,กัมพูชา และ สปป.ลาว ร่วมรับชมด้วย
ผลการแข่งขันรุ่นที่น่าสนใจ มีดังนี้ เปอร์ซูต 3 กม. รุ่นประชาชนหญิง แชมป์ตกเป็นของ ส.ต.หญิง ชนิภรณ์ บัตริยะ นักปั่นทีมชาติไทยจากทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งปั่นไล่ทันรุ่นพี่อย่าง“บีซ”ร.อ.หญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ นักปั่นทีมชายไทยจากทีมสักนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเช่นเดียวกัน โดยไล่ในรอบที่ 3 ทำให้“บีซ”จุฑาธิป ได้เพียงอันดับที่ 2 นอกจากนั้นยังเป็นแชมป์สนามที่ 2 ของชนิภรณ์ด้วย ส่วนอันดับที่ 3 น.ส.จิดาภา แก้วมุกดา ทีมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ-โกกิ เวลา 4.46.255 นาที นอกจากนี้ จิดาภายังได้แชมป์ในรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีหญิงด้วย
เปอร์ซูต 4 กม. กม. รุ่นประชาชนชาย ที่ 1 ส.ต.ต.ศักดิ์ชัย พอดีงาม ทีมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ-โกกิ เวลา 4.48.912 นาที,ที่ 2 จ.ท.ปฐมภพ พลอาจทัน ทีมจักรยานกองทัพอากาศ เวลา 4.50.652 นาที,ที่ 3 นายภูริเดช อินทะผิว ทีมRoojai Online Insuranceเวลา 48.484 นาที นอกจากนี้ นายภูริเดชยังได้แชมป์รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีชายอีกด้วย
พอยต์เรซ รุ่นประชาชนหญิง ที่ 1 ส.ต.หญิง ชนิภรณ์ บัตริยะ ทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ 38 คะแนน นับเป็นแชมป์รายการที่ 2 ของชนิภรณ์ในวันนี้,ที่ 2 ร.อ.หญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ ทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ 25 คะแนน,ที่ 3 ส.ต.ท.หญิง สาธินีย์ จีนทร์ธิมา ทีมสำนังานตำรวจแห่งชาติ-โกกิ ได้ 17 คะแนน
คีริน รุ่นประชาชนหญิง ที่ 1 ร.อ.หญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ ทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม